Travel and Lifestyle

, , ,

บ้านชาวเกาะรีสอร์ท - เกาะล้าน ชลบุรี

Baan Chao Koh Resort
Koh Lan, Chonburi


บ้านชาวเกาะรีสอร์ท ตั้งอยู่บนเกาะล้าน จ.ชลบุรี ห่างจากท่าเรือหน้าบ้านประมาณ 300 เมตร
อยู่ระหว่างทางไปหาดตายาย มีรถบริการรับ-ส่ง จากท่าเรือหน้าบ้าน



นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เราเลือกมาพักที่บ้านชาวเกาะรีสอร์ท ด้วยการตกแต่งที่น่ารัก และบรรยากาศสุดชิล พอได้มาเที่ยวที่เกาะล้านอีกรอบก็ตัดสินใจได้ไม่ยากเลยค่ะว่าจะมาพักที่นี่อีก สำหรับสาวๆ สายเซลฟี่ก็มีมุมน่ารักให้ได้ถ่ายรูปเพียบเลย!! แถมทำเลที่ตั้งก็ยังสะดวกต่อการแว้นไปเที่ยวในทุกๆ หาดอีกด้วย


วงกลมเลือกที่พักแบบบ้าน พักได้ 2 คน ราคา 1,450 บาท
(ที่พักประเภทนี้จะมีประมาณ10 หลัง แยกออกจากกัน มีกำแพงต้นไม้เป็นฉากกั้น)

แพคเกจของทางรีสอร์ท คือ ที่พัก + อาหารเช้า + มอเตอร์ไซค์
เรียกว่าจองที่เดียวครบ จบปัง! เที่ยวได้อย่างสบายใจเลย


พื้นที่ของรีสอร์ทจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง อยู่ตรงข้ามกันค่ะ แยกตามประเภทห้องพัก
ถึงแม้ว่าแดดจะดูร้อนแรง แต่เราว่าก็ยังได้บรรยากาศร่มรื่นค่ะ มีเงาจากต้นไม้ให้พักพิง


พี่เจ้าของผู้หญิงอัธยาศัยดี และจะต้องเป็นคนรักสัตว์ด้วยอย่างแน่นอน
เพราะเจอน้องหมาน้องแมวน่ารักๆ ตลอดเลย




ทางเดินไม้มุ่งหน้าไปยังห้องพักของเรา


ถึงหน้าห้องพักแล้วค่าา ภายนอกจะตกแต่งด้วยสีขาวสบายตา ให้บรรยากาศชิลๆ 


ภายในบ้านจะตกแต่งกำแพงด้วยสีที่ต่างกัน เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละหลัง




ห้องเบอร์ 5 สีชมพู



ตกแต่งได้น่ารักกำลังดี ใครชอบสไตล์นี้ตามมาชิลกันได้เลย



จบการทัวร์ห้องพัก แล้วไปต่อกันที่บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทจ้าา



มีร้านกาแฟไว้บริการด้านหน้าที่พักเลย





บริเวณนี้ไม่ได้เป็นห้องพักของคนแต่ประการใด แต่เป็นคอนโดแมวจ้าา
แอบซ่อนอยู่ที่บ้านหลังนี้เลย ทาสแมวทั้งหลายอย่าลืมไปรายงานตัว!!



สำหรับใครที่วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวเกาะล้าน หรืออยากกลับไปเที่ยวซ้ำอีก
วงกลม.ขอแนะนำบ้านชาวเกาะรีสอร์ทแห่งนี้เลยค่ะ


เรานำรายละเอียดของที่พักมาแปะไว้ให้น้า
ห้องพัก 2 คน : 1,250 บาท (+ อาหารเช้า + รถมอเตอไซด์ 1 คัน)
ห้องพัก 2 คน : 1,450 บาท (+ อาหารเช้า + รถมอเตอไซด์ 1 คัน)
ห้องพัก 4 คน : 2,500 บาท (+ อาหารเช้า + รถมอเตอไซด์ 2 คัน)
ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถเช็คได้ทางเว็บไซต์ของที่พักค่ะ *


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองห้องพัก โทร : 084 - 4503817
เว็บไซต์: FB PAGE
ที่ตั้ง: จากท่าเรือหน้าบ้านประมาณ 300 เมตร อยู่ระหว่างทางไปหาดตายาย
















Share:
Read More
, , , , ,

Tokyo รอบเดียวไม่พอ


ญี่ปุ่น เป้าหมายแรกในการเดินทางไปเที่ยวต่างแดนของเรา
    
เราต่างก็เคยได้ยินใครๆ พูดถึงข้อดีของประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการเดินทาง ศิลปะวัฒนธรรม และอาหารการกิน (ที่ถึงแม้ตอนนี้ในไทยจะมีเยอะมาก แต่ก็อยากไปลองแบบต้นตำรับกันสักครั้งใช่ไหมล่ะ) รวมไปถึงเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าถ้าไปแล้วจะอยากไปอีก ทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ยากเลย...
    

FYI :
ที่มาของคำว่า "แดนอาทิตย์อุทัย" ประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ละติจูดที่ 20 จึงเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของโลก (ละติจูดที่ 1-19 เป็นทะเล) แต่ละวันใหม่ พระอาทิตย์จะส่องแสงในดินแดนของชาวญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกในโลก ฝรั่งจึงตั้งให้ว่าเป็น ‘Land of the Rising Sun’



    
START :
เราออกเดินทางประมาณ 23.45 น.  ถึงสนามบินนาริตะ 07.00 น. ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย อุณหภูมิประมาณ 5 องศารอต้อนรับเราตั้งแต่ลงจากเครื่อง ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปี 2559 เป็นฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่โตเกียวเย็นสบายกำลังดีเลย
เราเลือกเดินทางช่วงกลางคืน กะว่ามีเวลาให้นอนพัก ตื่นมาก็เที่ยวเลย แต่ที่ไหนได้นอนไม่ค่อยหลับเลย ตามประสาคนนอนดึกจนชิน ได้แต่แอบมองคนอื่นหลับตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ บางคนก็กรนเลยจ้า เรานี่อิจฉาจริงๆ ไม่นานก็เริ่มมีแสงลอดเข้ามา ปรับระดับความสว่างขึ้นเรื่อยๆ ไล่สีท้องฟ้าได้อย่างสวยงามมากกกก เป็นสัญญาณให้เรารู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที หลังจากเมื่อยมานานนน



หลังจากผ่านด่าน ตม. มาอย่างฉลุย เราก็เดินหาซื้อตั๋ว Skyliner ทั้งขาไปและขากลับ + Subway 72 hr (ค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ลได้เลย มีอธิบายไว้เยอะ) การเดินทางส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นใช้บริการ Subway และก็เดิน เดินอย่างมหาศาล!!! แอบมีแวบไปใช้สาย JR Yamanote กับ Yurikamome รถไฟไร้คนขับบ้าง เพื่อไป Odaiba จะมีเสียเงินเพิ่มนิดหน่อยจากแพคเกจที่เราซื้อมา

    

ใช้เวลาประมาณ 42 นาที จากสนามบินนาริตะมายังสถานี Ueno รถไฟดีอะ นั่งสบายและเร็วดีจัง ถือเป็นความประทับใจแรกเลย หลังจากลงที่ Ueno เราก็ทำการเดินไปยังที่พัก ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถต่อรถไฟไปอีกก็ได้ แต่ไม่ต่อจ้า คึกคักอยากเดิน (แนะนำควรเก็บแรงไว้ อย่าคึกมาก) ที่พักของเราอยู่ย่าน Asakusa ระหว่างทางก็จะมีวิวแม่น้ำซุมิดะ โตเกียวสกายทรี ฯลฯ

ที่พักของเราทริปนี้ : https://www.wongglom.com/2018/05/hotel-mystays-asakusa-tokyo.html




เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเช็คอินของโรงแรม เราก็กะว่าจะไปฝากกระเป๋าไว้ก่อน เผื่อฟลุ๊คถ้าห้องว่าง เขาคงให้เข้าได้เลย แล้วมันก็เป็นแบบนั้นแหละ พอจ่ายเงินค่าห้องเสร็จสรรพเราก็ขึ้นไปเก็บของ เอนกายาบนที่นอนนุ่มๆ พักหนึ่ง แล้วก็ออกลุยต่อเลย
Share:
Read More
, , , ,

วันหยุดนี้ที่คลองลัดมะยม [Weekend Guide]

วันหยุดนี้ที่คลองลัดมะยม


วันหยุดสุดสัปดาห์กำลังจะมาถึง เบื่อกรุงเทพฯ เมืองตึกระฟ้า อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด
แต่ติดปัญหางบน้อย ถ้าจะให้ค้างคืน งบก็บานปลายไปอีกกกกก

งั้นเราขอนำเสนอ "ตลาดน้ำคลองลัดมะยม"
ให้เป็นอีกตัวเลือกในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ทริปสั้นๆ แต่ได้ใจ <3


Highlight





เราเองเคยมาตลาดแห่งนี้กับครอบครัวหลายครั้งหลายครา แต่นั่นมันก็ปาไป 4 ปีกว่าเห็นจะได้ แล้วก็ไม่ได้กลับไปเที่ยวอีกเลย เพราะฉะนั้นการไปครั้งนี้ก็มีความตื่นเต้นเหมือนไปครั้งแรกอยู่ดี ไปค่ะ! ตามไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลย

วิธีการเดินทางของเราในการไปตลาดน้ำคลองนัดมะยม คือนั่งรถโดยสารประจำทางไปลงที่สายใต้ใหม่ แล้วโบกแท็กซี่เข้าไปยังตลาดน้ำเลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดราคาน่าจะไม่เกิน 100 บาท เดี๋ยวจะแปะวิธีการเดินทางไว้ที่ด้านล่างสุดนะคะ ตลาดน้ำแห่งที่ตั้งอยู่ที่แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน จังหวัดกรุงเทพฯ ระหว่างทางที่เข้ามายังตลาดน้ำ หลายๆ คนคงหลงคิดไปว่าเราหลุดออกมาจากเขตกรุงเทพฯ เข้ามาอีกจังหวัดหนึ่งแล้ว เมื่อเริ่มเห็นวิวสองข้างทางเป็นท้องร่องสวน อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยมแล้วค่ะ

จุดสังเกตเมื่อใกล้ถึงตลาด คือรถจะติดเนื่องจากชลอความเร็วรับส่งผู้โดยสารกันค่ะ ระแวกนั้นก็จะมีที่จอดรถบริการสำหรับใครที่มีรถส่วนตัวมาไม่ต้องห่วง ค่าบริการ 20 บาทเท่านั้น "ลงตรงนี้เลยไหมครับ" พี่แท็กซี่กล่าว เหมือนรู้ใจเราว่าอยากจะลงเดินเต็มแก่แล้ว ฮ่าา



ตลาดน้ำคลองลัดมะยมปัจจุบันมีทั้งหมด 6 โซน มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ งานฝีมือและภูมิปัญญาชาวบ้าน มีสินค้าที่หลากหลาย เรียกว่าเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ให้กับทุกเพศทุกวัยเลย จะมากันทั้งครอบครัว มากับกลุ่มเพื่อน หรือจะมาเติมความหวานกันเป็นคู่ๆ ก็เหมาะก็ควรอย่างยิ่งเลย






อาหารมีให้เลือกมากมายทั้งคาวและหวาน แถมมีที่นั่งไว้ให้บริการอีกต่างหาก บริเวณช่วงโซนหน้าๆ คนจะเยอะ เบียดเสียดเล็กน้อย แนะนำเดินไปโซนท้ายๆ ก็ได้ค่ะ ร้านค้าก็จะคล้ายกัน อาจจะซื้อของติดไม้ติดมือไว้ก่อน และหาโต๊ะนั่งทีเดียวเลยก็สะดวกดีค่ะ




หมู ไก่ ปลา เนื้อ ซีฟู๊ด มีครบ



มีบริเวณให้นั่งรับประทานอาหารค่อนข้างเยอะ มีหลายโซน






นอกจากบรรดาของกินทั้งคาวและหวานที่รอให้เราไปเลือกสรร ที่นี่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทุกคนได้ทำกันอีกค่ะ อาทิเช่น วาดรูประบายสี นั่งเรือพายแบบสโลวไลฟ์ชมคลองและวิถีชาวบ้าน หรือจะจัดเต็มออกทริปล่องเรือหางยาว ไหว้พระ ชมสวนกล้วยไม้ หรือบ้านเรือนไทย ก็รอให้บริการคุณอยู่ค่ะ






หนูระบายสวยไหมคะแม่ แฮ่!






วันนี้วงกลมขอทดลองนั่งเรือหางยาวออกทริปสักหน่อย มีโอกาสมาตลาดแห่งนี้ก็หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยใช้บริการเลยค่ะ ครั้งนี้จะไม่พลาดแน่นอน! เราเดินมาสอบถาม และซื้อตั๋วที่จุดบริการ จะมีให้เราเลือกทั้งหมด 2 ทริป ค่าตั๋วสำหรับคนไทย 60 บาท สำหรับชาวต่างชาติ 100 บาทค่ะ


รายละเอียดของบริการล่องเรือเที่ยว (ลอกมาจากป้ายเขาเลยนะคะ)
ทริปที่ 1ตลาดน้ำวัดสะพาน สวนกล้วยไม้ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.
ทริปที่ 2 : บ้านเรือนไทยโฮมสเตย์ บ้านเก่าเดินชมสวน ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชม.

วันนี้เราเลือกทดลองทริปที่ 2 จองตั๋วนัดเวลากันเสร็จสรรพ เราเดินเล่นรอเวลาอยู่แถวนั้น






จัดไอติมกะทิมาดับร้อนสักถ้วย



เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย เราก็เดินไปนั่งรอเรือมารับค่ะ เรือมาเลทกว่าเวลาที่นัดไว้นิดหน่อย ก่อนออกก็จะมีการแนะนำอะไรต่างๆ เล็กน้อย สามารถขอเสื้อชูชีพได้ (เราแอบเห็นตอนขากลับมาแล้วว่าเขามีให้ใส่ด้วย แต่น่าจะต้องขอมั้ง จริงๆอยากให้มีใส่กันทุกคนเลย ใครจะไปก็ฝากแนะนำเขาด้วยนะคะ ตอนนั้นคิดไม่ทัน) นักท่องเที่ยวมีทั้งคนไทยและต่างประเทศก็ทยอยขึ้นเรือ พร้อมออกเดินทางกันแล้ววว




 มันจะแอบร้อนเหงื่อตกหน่อยๆ ครับ


ระหว่างทางเราจะได้ชมวิวบ้านเรือนริมน้ำทั้งสองฝั่ง สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำ มีผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมานั่งเล่นริมน้ำ บ้างก็ยิ้มแย้ม บ้างก็โบกมือทักทายนั่งท่องเที่ยวเป็นภาพที่น่ารักดีค่ะ เรียกว่าได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยจะได้เห็นเลย ทั้งแปลกตาและแปลกใจดี นั่งเรือมาเพลินๆ ลมเย็นๆ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายแรกของเรา พิพิธภัณฑ์มีชีวิตบ้านคุณทวีศักดิ์ หว่างจันทร์ (Living Museum Taweesak Wangchan's House) พี่เจ้าของบ้านก็จะออกมาต้อนรับ และชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้เราฟัง น่ารักมาก



พี่เจ้าของบ้านต้อนรับอย่างดี อธิบายประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของบ้านและชุมชน ใครอยากเที่ยวแนวใหม่ ได้ฟังเรื่องเล่าต่างๆ ก็ตามไปเที่ยวกันเลยนะคะ รับรองไม่ผิดหวัง เป็นการสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ด้วยค่ะ วงกลมเก็บภาพมุมสวยๆ มาฝาก หวังว่าจะล่อตาล่อใจให้เพื่อนๆ อยากไปบ้างน้าาา ^^ 












หลังจากนี้เราก็จะเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ ว่าจะเดินไปทางไหน เราจะต้องเดินลัดเลาะชุมชนไปเรื่อยๆ บางบ้านก็จะทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาวางขาย เป็นบรรยากาศที่น่ารักมาก จุดต่อมาที่เราจะแวะชมนั่นก็คือ บ้านเทียนหอม ภายในบ้านจัดโชว์เครื่องปรุงต่างๆ น้ำอบ โต๊ะเครื่องแป้งให้เราได้ชมกันค่ะ สามารถสอบถาม ชวนคุยได้เลยนะคะ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

สำหรับบ้านไหนที่ยังพาผู้สูงอายุไปก็ต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ เพราะจะเป็นทางเล็กทางน้อย อาจจะเดินเหินไม่สะดวกนัก ตอนที่เราไปก็มีครอบครัวที่พาผู้สูงอายุไปนะ อาจจะเดินกันช้าๆ นิดหนึ่งก็น่าจะพอไหว ยังไงลองสอบถามเส้นทาง ณ จุดขายตั๋วดูก่อนค่ะ







พอเสร็จจากจุดนี้ เราก็ต้องเดินอีกค่ะ ตามทางเล็กทางน้อยไปเรื่อยๆ
เพื่อที่จะไปยังจุดขึ้นเรือกลับตลาดค่ะ สงบร่มรื่นดี สโลว์ไลฟ์ของจริงเลยแหละแถวนี้



หลังจากเสร็จสิ้นการล่องเรือเที่ยวมา เราก็กลับมาเดินตลาดต่อค่ะ ไม่พ้นเรื่องกินเลยจริงๆ อาจจะพบกับความลำบากใจเล็กน้อย อารมณ์รักพี่เสียดายน้อง นั่นก็น่ากิน นู้นก็อยากกิน เดินไปเดินมาก็มาจบด้วยเกี๋ยวเตี๋ยวกะลาค่ะ เมนูขึ้นชื่อของที่นี่อีกอย่างหนึ่ง ตัวก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยปกติค่ะ แต่เพิ่มเติมคือมาในกะลา นี่แหละ กินไปถ่ายรูปไปมีอะไรอัพลงโซเชียลบ้าง อิอิ












จบสวยๆ ทริปนี้ด้วยของหวาน ไอติมโบราณค่ะ มีมาให้เลือกหลากรสมาก ใครที่จะไปตลาดน้ำคลองลัดมะยมก็ระวังเงินในกระเป๋าให้ดี ไม่ได้มีโจรมาลักขโมยหรอกค่ะ แต่อาจจะหมดตัวด้วยของกินอร่อยๆ ก็เป็นได้ ระวังน้ำหนักของคุณให้ดี! แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบค่าาา :D

Share:
Read More