วันหยุดนี้ที่คลองลัดมะยม
วันหยุดสุดสัปดาห์กำลังจะมาถึง เบื่อกรุงเทพฯ เมืองตึกระฟ้า อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด
แต่ติดปัญหางบน้อย ถ้าจะให้ค้างคืน งบก็บานปลายไปอีกกกกก
งั้นเราขอนำเสนอ "ตลาดน้ำคลองลัดมะยม"
ให้เป็นอีกตัวเลือกในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ทริปสั้นๆ แต่ได้ใจ <3
Highlight
เราเองเคยมาตลาดแห่งนี้กับครอบครัวหลายครั้งหลายครา แต่นั่นมันก็ปาไป 4 ปีกว่าเห็นจะได้ แล้วก็ไม่ได้กลับไปเที่ยวอีกเลย เพราะฉะนั้นการไปครั้งนี้ก็มีความตื่นเต้นเหมือนไปครั้งแรกอยู่ดี ไปค่ะ! ตามไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลย
วิธีการเดินทางของเราในการไปตลาดน้ำคลองนัดมะยม คือนั่งรถโดยสารประจำทางไปลงที่สายใต้ใหม่ แล้วโบกแท็กซี่เข้าไปยังตลาดน้ำเลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดราคาน่าจะไม่เกิน 100 บาท เดี๋ยวจะแปะวิธีการเดินทางไว้ที่ด้านล่างสุดนะคะ ตลาดน้ำแห่งที่ตั้งอยู่ที่แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน จังหวัดกรุงเทพฯ ระหว่างทางที่เข้ามายังตลาดน้ำ หลายๆ คนคงหลงคิดไปว่าเราหลุดออกมาจากเขตกรุงเทพฯ เข้ามาอีกจังหวัดหนึ่งแล้ว เมื่อเริ่มเห็นวิวสองข้างทางเป็นท้องร่องสวน อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยมแล้วค่ะ
จุดสังเกตเมื่อใกล้ถึงตลาด คือรถจะติดเนื่องจากชลอความเร็วรับส่งผู้โดยสารกันค่ะ ระแวกนั้นก็จะมีที่จอดรถบริการสำหรับใครที่มีรถส่วนตัวมาไม่ต้องห่วง ค่าบริการ 20 บาทเท่านั้น "ลงตรงนี้เลยไหมครับ" พี่แท็กซี่กล่าว เหมือนรู้ใจเราว่าอยากจะลงเดินเต็มแก่แล้ว ฮ่าา
ตลาดน้ำคลองลัดมะยมปัจจุบันมีทั้งหมด 6 โซน มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ งานฝีมือและภูมิปัญญาชาวบ้าน มีสินค้าที่หลากหลาย เรียกว่าเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ให้กับทุกเพศทุกวัยเลย จะมากันทั้งครอบครัว มากับกลุ่มเพื่อน หรือจะมาเติมความหวานกันเป็นคู่ๆ ก็เหมาะก็ควรอย่างยิ่งเลย
อาหารมีให้เลือกมากมายทั้งคาวและหวาน แถมมีที่นั่งไว้ให้บริการอีกต่างหาก บริเวณช่วงโซนหน้าๆ คนจะเยอะ เบียดเสียดเล็กน้อย แนะนำเดินไปโซนท้ายๆ ก็ได้ค่ะ ร้านค้าก็จะคล้ายกัน อาจจะซื้อของติดไม้ติดมือไว้ก่อน และหาโต๊ะนั่งทีเดียวเลยก็สะดวกดีค่ะ
หมู ไก่ ปลา เนื้อ ซีฟู๊ด มีครบ
มีบริเวณให้นั่งรับประทานอาหารค่อนข้างเยอะ มีหลายโซน
นอกจากบรรดาของกินทั้งคาวและหวานที่รอให้เราไปเลือกสรร ที่นี่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทุกคนได้ทำกันอีกค่ะ อาทิเช่น วาดรูประบายสี นั่งเรือพายแบบสโลวไลฟ์ชมคลองและวิถีชาวบ้าน หรือจะจัดเต็มออกทริปล่องเรือหางยาว ไหว้พระ ชมสวนกล้วยไม้ หรือบ้านเรือนไทย ก็รอให้บริการคุณอยู่ค่ะ
หนูระบายสวยไหมคะแม่ แฮ่!
วันนี้วงกลมขอทดลองนั่งเรือหางยาวออกทริปสักหน่อย มีโอกาสมาตลาดแห่งนี้ก็หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยใช้บริการเลยค่ะ ครั้งนี้จะไม่พลาดแน่นอน! เราเดินมาสอบถาม และซื้อตั๋วที่จุดบริการ จะมีให้เราเลือกทั้งหมด 2 ทริป ค่าตั๋วสำหรับคนไทย 60 บาท สำหรับชาวต่างชาติ 100 บาทค่ะ
รายละเอียดของบริการล่องเรือเที่ยว (ลอกมาจากป้ายเขาเลยนะคะ)ทริปที่ 1 : ตลาดน้ำวัดสะพาน สวนกล้วยไม้ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.
ทริปที่ 2 : บ้านเรือนไทยโฮมสเตย์ บ้านเก่าเดินชมสวน ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชม.
วันนี้เราเลือกทดลองทริปที่ 2 จองตั๋วนัดเวลากันเสร็จสรรพ เราเดินเล่นรอเวลาอยู่แถวนั้น
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย เราก็เดินไปนั่งรอเรือมารับค่ะ เรือมาเลทกว่าเวลาที่นัดไว้นิดหน่อย ก่อนออกก็จะมีการแนะนำอะไรต่างๆ เล็กน้อย สามารถขอเสื้อชูชีพได้ (เราแอบเห็นตอนขากลับมาแล้วว่าเขามีให้ใส่ด้วย แต่น่าจะต้องขอมั้ง จริงๆอยากให้มีใส่กันทุกคนเลย ใครจะไปก็ฝากแนะนำเขาด้วยนะคะ ตอนนั้นคิดไม่ทัน) นักท่องเที่ยวมีทั้งคนไทยและต่างประเทศก็ทยอยขึ้นเรือ พร้อมออกเดินทางกันแล้ววว
จัดไอติมกะทิมาดับร้อนสักถ้วย
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย เราก็เดินไปนั่งรอเรือมารับค่ะ เรือมาเลทกว่าเวลาที่นัดไว้นิดหน่อย ก่อนออกก็จะมีการแนะนำอะไรต่างๆ เล็กน้อย สามารถขอเสื้อชูชีพได้ (เราแอบเห็นตอนขากลับมาแล้วว่าเขามีให้ใส่ด้วย แต่น่าจะต้องขอมั้ง จริงๆอยากให้มีใส่กันทุกคนเลย ใครจะไปก็ฝากแนะนำเขาด้วยนะคะ ตอนนั้นคิดไม่ทัน) นักท่องเที่ยวมีทั้งคนไทยและต่างประเทศก็ทยอยขึ้นเรือ พร้อมออกเดินทางกันแล้ววว
มันจะแอบร้อนเหงื่อตกหน่อยๆ ครับ
ระหว่างทางเราจะได้ชมวิวบ้านเรือนริมน้ำทั้งสองฝั่ง สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำ มีผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมานั่งเล่นริมน้ำ บ้างก็ยิ้มแย้ม บ้างก็โบกมือทักทายนั่งท่องเที่ยวเป็นภาพที่น่ารักดีค่ะ เรียกว่าได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยจะได้เห็นเลย ทั้งแปลกตาและแปลกใจดี นั่งเรือมาเพลินๆ ลมเย็นๆ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายแรกของเรา พิพิธภัณฑ์มีชีวิตบ้านคุณทวีศักดิ์ หว่างจันทร์ (Living Museum Taweesak Wangchan's House) พี่เจ้าของบ้านก็จะออกมาต้อนรับ และชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้เราฟัง น่ารักมาก
พี่เจ้าของบ้านต้อนรับอย่างดี อธิบายประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของบ้านและชุมชน ใครอยากเที่ยวแนวใหม่ ได้ฟังเรื่องเล่าต่างๆ ก็ตามไปเที่ยวกันเลยนะคะ รับรองไม่ผิดหวัง เป็นการสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ด้วยค่ะ วงกลมเก็บภาพมุมสวยๆ มาฝาก หวังว่าจะล่อตาล่อใจให้เพื่อนๆ อยากไปบ้างน้าาา ^^
หลังจากนี้เราก็จะเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ ว่าจะเดินไปทางไหน เราจะต้องเดินลัดเลาะชุมชนไปเรื่อยๆ บางบ้านก็จะทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาวางขาย เป็นบรรยากาศที่น่ารักมาก จุดต่อมาที่เราจะแวะชมนั่นก็คือ บ้านเทียนหอม ภายในบ้านจัดโชว์เครื่องปรุงต่างๆ น้ำอบ โต๊ะเครื่องแป้งให้เราได้ชมกันค่ะ สามารถสอบถาม ชวนคุยได้เลยนะคะ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
สำหรับบ้านไหนที่ยังพาผู้สูงอายุไปก็ต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ เพราะจะเป็นทางเล็กทางน้อย อาจจะเดินเหินไม่สะดวกนัก ตอนที่เราไปก็มีครอบครัวที่พาผู้สูงอายุไปนะ อาจจะเดินกันช้าๆ นิดหนึ่งก็น่าจะพอไหว ยังไงลองสอบถามเส้นทาง ณ จุดขายตั๋วดูก่อนค่ะ
สำหรับบ้านไหนที่ยังพาผู้สูงอายุไปก็ต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ เพราะจะเป็นทางเล็กทางน้อย อาจจะเดินเหินไม่สะดวกนัก ตอนที่เราไปก็มีครอบครัวที่พาผู้สูงอายุไปนะ อาจจะเดินกันช้าๆ นิดหนึ่งก็น่าจะพอไหว ยังไงลองสอบถามเส้นทาง ณ จุดขายตั๋วดูก่อนค่ะ
พอเสร็จจากจุดนี้ เราก็ต้องเดินอีกค่ะ ตามทางเล็กทางน้อยไปเรื่อยๆ
เพื่อที่จะไปยังจุดขึ้นเรือกลับตลาดค่ะ สงบร่มรื่นดี สโลว์ไลฟ์ของจริงเลยแหละแถวนี้
หลังจากเสร็จสิ้นการล่องเรือเที่ยวมา เราก็กลับมาเดินตลาดต่อค่ะ ไม่พ้นเรื่องกินเลยจริงๆ อาจจะพบกับความลำบากใจเล็กน้อย อารมณ์รักพี่เสียดายน้อง นั่นก็น่ากิน นู้นก็อยากกิน เดินไปเดินมาก็มาจบด้วยเกี๋ยวเตี๋ยวกะลาค่ะ เมนูขึ้นชื่อของที่นี่อีกอย่างหนึ่ง ตัวก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยปกติค่ะ แต่เพิ่มเติมคือมาในกะลา นี่แหละ กินไปถ่ายรูปไปมีอะไรอัพลงโซเชียลบ้าง อิอิ
จบสวยๆ ทริปนี้ด้วยของหวาน ไอติมโบราณค่ะ มีมาให้เลือกหลากรสมาก ใครที่จะไปตลาดน้ำคลองลัดมะยมก็ระวังเงินในกระเป๋าให้ดี ไม่ได้มีโจรมาลักขโมยหรอกค่ะ แต่อาจจะหมดตัวด้วยของกินอร่อยๆ ก็เป็นได้ ระวังน้ำหนักของคุณให้ดี! แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบค่าาา :D