Travel and Lifestyle

, , , , , , ,

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน [Weekend Guide]

ทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน 
ชวนเพื่อนซี้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ 
นอนเต็นท์ กินปิ้งย่าง! ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป ตกคนละประมาณ 1,500 บาท


ค่าเข้าอุทยาน ค่านอนค้างแรม ค่าเช่าเครื่องนอน
คนละไม่เกิน 500 บาท ส่วนใหญ่จะฟุ่มเฟือย
ที่การแวะกินระหว่างทางนี่แหละ^^

แนะนำให้ไปวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ ฟินกว่าเยอะเลยย
สามเดือนต้นปี และท้ายปีคือช่วงที่อากาศดี น่าไปค้างคืน


หากไปวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องรีบไปแต่บ่ายเพื่อจับจองพื้นที่
เส้นทางมุ่งหน้าไปเขาใหญ่รถค่อนข้างเยอะ รถติดเป็นระยะๆ
ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ ตั้งสติทำใจให้สงบค่าา ฮ่าๆ
แบ่งๆ กันเที่ยว และใครที่คิดว่าจะทำตามกฏของอุทยานไม่ได้
อย่าไปทำให้นักท่องเที่ยวท่านอื่นเสียบรรยากาศเลยน้าา


001 เปิดทริปด้วยการเลือกซื้อหมูหมัก
เรามุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ สู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
พอใกล้ถึงก็แวะห้างเพื่อซื้อเนื้อหมูที่เขาหมักไว้แล้วเตรียมไปปิ้งย่างกัน
ทริปนี้เราไปกับเพื่อน 6 คน ต่างคนก็เลือกซื้อขนม และเครื่องดื่มที่ชอบแล้วไปจอยกัน




เข้าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราขับรถกันด้วยความระมัดระวัง

ตอนนั้นมีฝนตกลงมาปรอยๆ ไม่นานก็หยุด



ภาพถ่ายจากบนรถ
พอเริ่มขึ้นเขาเราก็เปิดกระจกรับลมเย็นๆ
ไม่ว่าเราจะเห็นหมอกมาแล้วกี่ครั้งในชีวิตก็ตาม เราก็ยังตื่นเต้นกับมันเสมอ


ขณะขับผ่านจุดชมวิว
ปกติเราจะเห็นวิวภูเขาและรีสอร์ทข้างล่างจากตรงนี้ แต่วันนี้พวกเราโชคดีได้เจอหมอกขาวโพลน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน เป็นภาพที่สวยมากกกในสายตาเรา


002 จุดกางเต็นท์
เดิมทีพวกเราวางแผนกันว่าจะกางเต็นท์ที่ลำตะคอง
แต่เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวอันล้นหลามในวันเสาร์อาทิตย์แบบนี้
เราเลยรีบไหวตัวไปยังผากล้วยไม้ เดินหาจุดที่เราจะกางเต็นท์กัน


แนะนำลางานไปวันธรรมดา 
ชวนโดดงานกันตรงนี้เลย555

แนะนำจุดกางเต็นท์ลำตะคอง เราชอบตรงนั้นมากกว่านะ


เช่าเต็นท์ และเครื่องนอนต่างๆ


ช่วยกันกางเต็นท์ จัดของ คนละไม้คนละมือของจริง


003 Happy Hour

หลังจากกางเต็นท์เสร็จสักพัก ไม่รอช้าจ้า ตั้งเตาปิ้งย่างกันโลด

คล้ายๆ ว่าเพื่อนโกรธกันไม่ยอมคุยด้วยเลย

แต่พอหมูหมดก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม555 



หลังจากเล่นไพ่อูโน่ สนทนาตามประสา

พอถึงเวลางดใช้เสียงที่อุทยานกำหนดสักพัก เราก็แยกย้ายกันเข้านอน


สิ่งสำคัญ : ต้องเก็บข้าวของให้เรียบร้อย พกกล่องลังแบบมีฝาปิดไปด้วยจะดีมาก

แบ่งของกันเก็บเข้าเต็นท์ เพราะอาจจะมีสัตว์ป่ามารื้อค้นข้าวของเราได้

ทิ้งขยะในจุดที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ เมื่อถึงเวลางดใช้เสียงก็ควรปฏิบัติตาม


เช้าวันใหม่
ใครนอนไม่สบายไม่รู้ แต่ตานี่นอนสบาย
แนะนำเช่าถุงนอนมาเผื่อเพื่อปูนอนไปด้วย นิ่มๆ เย็นๆ นอนสบายยยย


ดูเหงาๆ เหมือนไม่มีเต็นท์อื่นใช่ไหมล่ะ
ความจริงคือ...


โอ้มายก็อดด หมู่บ้านหรือเปล่านะ
ตั้งสติ ทำใจให้สงบ แบ่งๆ กันเที่ยว นี่คือการสะกดจิตตัวเอง ฮ่าาา
จริงๆ แล้วเราก็แอบตกใจกับปริมาณนักท่องเที่ยวนะ
เพราะเราเคยมาวันธรรมดาแบบนับเต็นท์ได้
แต่ก็ถือว่าโอเคอยู่ยังเอ็นจอยได้




ข้าวต้มยามเช้า


หลังจากเราเก็บเต็นท์โบกมือลาผากล้วยไม้
เราก็แวะไปน้ำตกเหวสุวัตกัน บริเวณนั้นมีขายอาหารตามสั่งและเครื่องดื่มด้วยนะ
น่าจะขายเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์หรือเปล่าไม่แน่ใจ (เคยไปวันธรรมดาไม่เจอ)


ระหว่างทางเดินน้ำตก
ชมนกชมไม้ไปเรื่อย



อันนี้ไม่ได้เดินตามนะ เดินหนี!


ถึงน้ำตกแล้วววว ชุ่มฉ่ำไปถึงหัวใจ 😆



ถ่ายรูปคู่กับน้ำตกแบบหน้าตาเต็มใจ


ความพยายามอยู่ที่นี่
เดินลุยเข้าไปด้วยความระมัดระวังนะจ๊ะ



ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ...


004 แวะตามใจ
จริงๆ ทริปนี้ถือว่าประหยัดมาก การนอนในอุทยานค่อนข้างถูก
เงินที่เสียไปส่วนใหญ่เกิดจากการแวะกินตลอดทางนั่นเองง

หลังจากออกจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เราก็ไปแวะกันที่ "เขาใหญ่ พาโนรามาฟาร์ม"
ที่นี่ก็มีสรรพสิ่งที่ล้วนทำมาจากเห็ด



พวกเราก็ไม่พลาดที่จะแวะชิมอาหารที่ทำมาจากเห็ด
ราคาเอาเรื่องนิดๆ แต่รสชาติดี

แนะนำให้ลองชิม :
เห็ดทอด, น้ำเห็ด 7 อย่าง
และยังมีเมนูอื่นๆ อีกเพียบเลย


หลังจากนั้นก็ไปกันต่อที่ร้าน
"Yellow Submarine Coffee Tank"
เติมคาเฟอีน และของหวานกันอีกสักนิด
ร้านตกแต่งด้วยสีดำเท่ๆ บรรยากาศดีชอบที่มีต้นไม้อยู่กลางร้านนี่แหละ
ใครสนใจจะแวะไปก็อย่าลืมเช็ควันหยุดของทางร้านก่อนน้า





เราชอบบรรยากาศร้าน Yellow นะ ชิลดี มีต้นไม้ เห็นภูเขา
น่าจะเป็นเพราะช่วงที่เราไปแดดไม่ร้อนด้วยเลยสนุกไปใหญ่

หลังจากนั้นเหมือนจะอิ่ม แต่ก็ไม่หนิ
ยังพากันแวะอีกหลายร้าน ตามรายทางกลับกรุงเทพฯ
เนื่องจากรถค่อนข้างติด คนเลยหงุดหงิด และการกินเป็นทางออกที่ดีที่สุด
กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็นะ...



หมดเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์
ถึงเวลากลับมาใช้ชีวิตของแต่ละคนกันต่อ
ได้โอกาสอัปเดตชีวิตกับเพื่อนๆ พูดคุยแลกเปลี่ยน
สร้างเสียงหัวเราะเติมพลังให้กัน

แม้จะมีเวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน
แต่เราว่าเราใช้มันคุ้มแล้วแหละ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกคน

วงกลม.
WongGlom



Share:
Read More
, , , , , ,

Kept Bangsaray เหนื่อยนักก็ไปพักริมทะเล

Kept Bangsaray (เคบ บางเสร่) 
Get away from it all



"บางเสร่" สารภาพตามตรงว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้มาเมื่อปีก่อนเอง เห็นว่าแถบนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมง เลยคิดไปเองว่าคงไม่เหมาะกับการไปเที่ยวพักผ่อน คงไม่มีที่พักที่น่าสนใจ เรียกได้ว่ามองข้ามไปเลยก็ว่าได้ เพิ่งจะรู้ว่าคิดผิดก็เมื่อได้มาพักที่ “Kept Bangsaray” (เคบ บางเสร่) นี่แหละ แถวหาดบางเสร่นี่บรรยากาศดีกว่าที่คิดไว้มากๆ ไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยค่าาา




Day 1 
เราขับรถเลียบหาดบางเสร่ไปเรื่อยๆ จุดหมายของเราอยู่อีกไม่ไกล แถวนี้บรรยากาศดีใช่ได้เลย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาเรื่อยๆ นะ ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ก็พอมีไว้บริการอยู่ ใครอยากหนีคนเยอะๆ จากหาดอื่นๆ โซนพัทยา ลองมาหาดนี้กันได้นะ


ถึงหน้าที่พักของเรากันแล้ว แค่เห็นบรรยากาศหน้าทางเข้าก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้วจ้าาา

Kept Bangsaray เปลี่ยนความคิดเราไปโดยสิ้นเชิง การที่ขับรถมาจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ แม้เราจะมีเวลาเพียงแค่ 1 คืน แต่มันก็คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยล่ะ ได้พักผ่อนเต็มที่หลีกหนีความวุ่นวาย อยู่กับบรรยากาศริมทะเลในสถานที่สวยๆ แถมอาหารอร่อย ทริปนี้คือไม่ต้องแพลนอะไรเยอะให้ปวดหัวเลย เพราะเราจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในที่พักอย่างเดียว ไม่ต้องออกไปไหนแล้วจ้าดีขนาดนี้ มีครบจบทุกอย่าง ดื่มด่ำบรรยากาศตรงหน้าโดยไม่ต้องกังวลอะไร


การตกแต่งของที่นี่น่ารักถูกใจเรา กำลังดี ไม่หวือหวามาก เน้นโทนสีฟ้าสบายตา มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่ารักเกี่ยวกับทะเล และการทำประมงแอบซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ป้ายหน้าห้อง พวงกุญแจ ช้อนส้อม ฯลฯ


ทักทายกันด้วย Welcome Drink สีฟ้าสวยๆ แบบนี้ จำไม่ได้ว่าน้ำอะไร แต่หอมเย็นชื่นใจมาก เรามาถึงที่นี่ก่อนเวลาเช็คอินนิดหน่อย ระหว่างรอห้องเรียบร้อยก็ได้ทำการเดินสำรวจซะเลย ช่วงที่เราไปถึงแม้ว่าจะดูครึ้มฟ้าครึ่มฝนไม่มีแสง แต่รังสีของแดดก็ยังร้อนแรงเช่นเคยตามสไตล์ไทยแลนด์ ทางเราก็ไม่หงุดหงิดแต่ประการใด เพราะการตกแต่งมันน่ารักไปซะทุกส่วนจริงๆ



ในส่วนของลอบบี้ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลอบบี้เท่านั้น แต่เป็นพื้นที่ให้เราได้ทำกิจกรรมเล่นเกมต่างๆ ได้ด้วย มีทั้งโต๊ะพูล ฟุตบอลโต๊ะ กระดานหมากรุก ตัวต่อไม้ตึกถล่ม ให้เราได้ใช้เวลาเพลิดเพลินร่วมกันกับคนที่เรารักด้วย ^^







เราเดินมายังโซนริมทะเล บริเวณนี้เป็นสระว่ายน้ำและที่รับประทานมื้อเย็น หรือจะมานั่งชิลเฉยๆ ก็ได้ ทางโรงแรมมีส่วนร้านอาหารชื่อว่า Kept Marine Restaurant ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถแวะมารับประทานอาหารได้น้าา มองย้อนกลับไปก็จะเห็นตัวอาคารที่พักแบบนี้





แอบส่องที่พักแบบ Kept Water Villa อู้หูววว...


บริเวณริมสระคิวท์ๆ จะนอนจะนั่งจะเล่นน้ำ หรือเฝ้าใครเล่นน้ำก็ได้เลย ตามใจ ^^ 

ดูทางเดินนี้สิ มีความมัลดีฟส์ใช่ไหมล่ะ เราก็ไม่เคยไปหรอก ฮ่าาา ก็เห็นคนเขาพูดกันอะ
ฉายามัลดีฟส์เมืองไทยก็ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ แต่ที่ Kept Bangsalay ก็เป็นอีกที่ที่ได้รับฉายานี้น้าาา





เอาล่ะ ได้เวลาเข้าห้องพักกันแล้ว!
ห้องพักของเราเป็นประเภท Kept Deluxe ค่ะ
ที่นี่เขาการันตีเห็นทะเลจากห้องพักทุกห้อง






และนี่คือ"ตู้ตู้เย็น" ตู้เย็นที่อยู่ในตู้ไม้อีกที ถ้าตั้งตู้เย็นเฉยๆ มันจะหลุดธีมอะเนอะ
ตู้เย็นเลยต้องมาอยู่ในตู้ไม้แบบนี้แหละ โอ้ยเลิก! พิมพ์เองตาลายเอง ฮ่าๆๆ



ไหนแอบดูระเบียงหน่อยซิ ...ห้องพักตัวเองนะแต่ทำแอบดู


และคือไฮไลท์ของห้องประเภท Kept Deluxe ระเบียงอันกว้างขวางที่มาพร้อมกับ Bathhub หรืออ่างอาบน้ำนี่เอง เราสามารถนอนแช่ตัวชมวิวทะเลได้อย่างเพลิดเพลินด้วยความเป็นส่วนตัว สุดยอด!






ในส่วนของห้องน้ำก็สะดวกสบาย ขนาดกว้างขวาง แบ่งโซนเปียกแห้ง ตกแต่งเรียบๆ โทนสีฟ้ามีรายละเอียดน่ารักๆ เช่นเคย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีให้ครบครัน เราไม่ต้องพกอะไรมาเลยก็ยังได้







หลังจากเอนหลังพักผ่อนขี้เกียจอยู่ในห้องพักใหญ่ ก็ถึงเวลาลงไปเดินเล่นข้างล่างกันบ้างแล้วเนอะ ฮ่าๆ และก็เพื่อรอเข้าร่วมกิจกรรมกับทางที่พักด้วย ในทุกๆ เย็นที่อากาศเป็นใจทางโรงแรมจะพาเราไปชมพระอาทิตย์ตกดินกลางทะเล หากใครสนใจก็สามารถลงชื่อไว้ได้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน



แม้ว่าที่นี่จะไม่สามารถเดินไปสู่ชายหาดจริงๆ ได้ แต่เขาก็ทำชายหาดเทียมมาไว้ให้เราแล้วนะ
สามารถเดินเล่นถ่ายรูปมันก็ได้ฟีลอยู่นะ มุมโปรดของเด็กๆ เขาล่ะ





 กระเป๋าของโรงแรมที่มีไว้บริการทุกห้อง เราสามารถใส่สัมภาระหิ้วไปหิ้วมาอยู่ในโรงแรมได้ ^^


ศาลากลางทะเล อีกหนึ่งจุดน่ารักของทางโรงแรม


ชิลมากไหมอะ? ก็ชิลอยู่น้าาาา... จนเกือบจะตกเรือแหนะ เรารีบจ้ำเดินไปสะพานอีกฝั่งหนึ่งเพื่อขึ้นเรือ ด้วยความที่เราไปช้าเองที่นั่งด้านบนก็เลยเต็ม จึงได้รับเกียรติให้นั่งชั้นล่างบริเวณหัวเรือเลยจ้าา
ถูกใจเขาล่ะ (เราเอง^^)


ตัดภาพมาอยู่ที่กลางทะเลแล้ว

และนี่คือเกาะเป็ดที่มีลิงอาศัยอยู่



บรรยากาศดีมาก ประทับใจ 

ถึงแม้วันนี้คุณพระอาทิตย์จะอายแอบอยู่หลังก้อนเมฆ ไม่ให้พวกเราได้ชื่นชมแบบดวงโตๆ
แต่การได้มานั่งเรือเสพบรรยากาศให้ลมทะเลสัมผัสตัวเราก็เป็นช่วงเวลาที่พิเศษไม่เบาเลยล่ะ





นี่คือเรือที่พาเราไปชมพระอาทิตย์ตกดินวันนี้ค่ะ


Welcome Drinks ต้อนรับกลับเข้าฝั่ง ด้วยน้ำมะนาวรสชาติอร่อย
เป็นความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ ของทางโรงแรมที่ทำให้หลายๆ คนประทับใจ


โซนนี้เรียกว่า "ลอยทะเล" สามารถชมวิวได้ 360 องศา มีคู่บ่าวสาวมาจัดงานแต่งที่นี่กันเพียบเลยล่ะ


พอกลับเข้าฝั่งเราก็มานั่งชมวิวทิวทัศน์กันต่อไป ชิลมากกก บรรยากาศดีมากกก เหมือนเวลาเดินช้ากว่าที่เคย นั่งอยู่อย่างงี้แหละจนกว่าจะหิว เพราะเย็นนี้เราจะไม่ออกไปหาอาหารที่ไหนแล้ว จะลองลิ้มรสอาหารของทางโรงแรมนี่แหละค่ะ
. . .

. .

.

45 นาทีต่อมา
สั่งอาหารเต็มโต๊ะแล้วค่าาคุณผู้ชม





เริ่มกันที่เมนูหลนปู จัดจานมาน่ารักดี รสชาติกลางๆ ทานได้ทุกคน



อันนี้โดนใจ ปลากะพงทอดขมิ้น กรอบนอกนุ่มใน รสชาติดี



ปอเปี๊ยะกุ้งสด มาคำใหญ่เกินไปนิดหนึ่ง กุ้งกับผักแน่นนลึ่ม


เมนูนี้ทั้งอร่อยและน่ารัก ต้มยำปลากะพงน้ำใส เนื้อปลาเด้งๆ น้ำซุปรสชาติกำลังดี
มีลูกเล่นแยกน้ำซุป ให้เราได้เทใส่กันเอง





บอกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้จะไม่ออกไปไหน จะตัวแตกอยู่แถวนี้นี่แหละ เหมือนจะอิ่มจนกินอะไรต่อไม่ไหว แต่เราต้องจบสวยๆ ด้วยเมนูของหวานค่าาา บริเวณที่เรานั่งทานมื้อเย็นนี้สามารถนั่งชิลกันได้ยาวๆ เลยนะ ลมพัดเย็นสบาย แถมมีดนตรีสดสร้างบรรยากาศให้ดียิ่งขึ้นไปอีก


ทรีโอ พานาคอตต้า ด้านบนเป็นเสาวรสกรุบๆ โยเกิร์ต และราสเบอร์รี่
รสชาติเปรี้ยวปรี๊ด อารมณ์แบบกินแล้วตกใจตื่น เฟรชๆ ดี



สตรอเบอร์รี ชีสเค้ก จานนี้โดนใจเรา เนื่องจากเป็นคนชอบชีสเค้กอยู่แล้ว
รสชาติกลมกล่อม ได้รสเปรี้ยวจากผลไม้ตัดกับความหวานมัน นุ่มละมุนนน




พอตกดึกโซนลอยทะเลก็จะกลายเป็นสถานที่ตกหมึก ดูไฟเขียวๆ นั่นสิ มีกิจกรรมหลากหลายจริงๆ นะที่นี่ ใครที่ชื่นชอบก็น่าจะถูกใจมิใช่น้อย ส่วนเราขออยู่ทีมผู้ชมก็เพียงพอค่ะ สำหรับตอนนี้... ได้เวลาพาร่างอันอิ่มเอมเข้านอนแล้วจ้าาา ราตรีสวัสดิ์



Day 2
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเรียกร้องหาอาหารเช้า


ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ เป็นกันไหม ถ้าที่พักไหนอาหารเช้าดี
ก็จะยิ่งทำให้เราประทับใจในตัวโรงแรมมากยิ่งขึ้นไปอีก



อาหารมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งไทยและเทศ มีเคาน์เตอร์ปรุงอาหารสดใหม่ไว้ให้บริการด้วยนะ เมนูข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา โซนนี้น่าจะหมุนเวียนกันไป ช่วงที่เราไปกำลังอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ ทางโรงแรมก็มีมุมอาหารเจไว้ให้บริการด้วย ใส่ใจดีมาก







GET AWAY FROM IT ALL !


LET'S RELAX


Bathtub ที่สามารถนอนแช่และชมวิวทะเลได้จากระเบียงห้อง เนื่องจากเราเป็นคนแพ้น้ำหอม
จึงได้ให้พี่ผู้ช่วยเล่นตีฟองไปคนเดียว ขออนุญาตไม่ลงรูปแล้วกัน เรียกได้ว่าอืดเต็มอ่าง
ฮ่าาา หยอกๆๆ ^^ (จริงๆ เมื่อคืนเราแอบแช่น้ำอุ่นๆ ไปแล้วแหละ มันดีจริงเด้อ!)










"เราเก็บบางเสร่ไว้ ให้คุณมาเก็บประสบการณ์ดีๆ"เรายืนยันได้เลยกับสโลแกนนี้ของทางโรงแรม คุณจะได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไปอย่างแน่นอน ใครที่กำลังคิดว่าราคาแรงเกินไปหรือเปล่า อาจจะรู้สึกลังเลใจ ส่วนตัวเราว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปนะ ในปีๆ หนึ่ง การให้รางวัลตัวเองกับที่พักที่บรรยากาศดี บริการดีแบบนี้ มันน่าจะเติมพลังใจให้เราได้อย่างดีเลยล่ะ แนะนำให้ลองเช็คราคาในแต่ละช่วง หรือรอดูโปรโมชั่นตอนงานไทยเที่ยวไทยก็ได้น้า ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านจนจบค่าาา
รัก <3


Place : Kept Bangsaray Hotel Pattaya



ใครสนใจอยากพักที่นี่ก็ติดตามทางเพจ Kept Bangsaray Hotel Pattaya ได้เลย
หรือหรือจะแอบไปส่องเมนูอาหารอร่อยๆ ที่ Kept Marine Restaurant กันก่อนก็ได้
ทั้งอาหารและขนมหวานรสชาติดีมาก *ล่าสุดมีโซน Kept Pier Cafe แล้วน้าา
ใครอยากนั่งทานเครื่องดื่ม ขนมหวานริมทะเลก็อย่ารีรอ

#WongGlom #KeptBanagsalay
#KeptBanagsalayHotelPattaya #Bangsalay
#เคบบางเสร่ #เมืองไทยไม่ใช่มัลดีฟส์ #ที่พักริมทะเล
Share:
Read More